พอแต่งไปแล้วน้องกับเพื่อนที่แต่งเดือนเดียวกัน เค้าแต่งเสร็จหลังจากนั้น 2 อาทิตย์ ท้องกันทั้งคู่ เราก็ผ่านมาเรื่อย ๆ ไม่ได้ซีเรียสอะไรจนเป็นเกือบปีแล้วก็ยังไม่ท้อง ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่ได้คุมกำเนิดอะไรเลยตั้งแต่แต่งงาน จนคนเริ่มทักเมื่อไหร่จะมีลูก ก็เริ่มนอยด์นิดนึงว่าเอ๊ะ ทำไมไม่มี แต่ก็ยังไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะว่าเอาจริง ๆ ในใจยังไม่พร้อมด้วย ตอนนั้นทำบ้านใหม่อยู่แล้วบ้านยังไม่เสร็จ เลยกะว่าถ้าบ้านเสร็จเมื่อไหร่ค่อยตั้งใจทำลูกกัน ไม่ได้คิดว่าพวกเราจะมีลูกยากอะไรแบบนี้
แล้วอยู่ ๆ สามีก็มีอุบัติเหตุที่ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลประมาณ 1 อาทิตย์ พอออกจากโรงพยาบาลเลยมีโอกาสพักต่ออยู่ด้วยกัน ปกติเค้าเป็นคน workaholic ทำงานหนักมาก แล้วเดินทางบ่อย พอมีเวลาอยู่ด้วยกันก็ได้เรื่อง เดือนถัดมาท้องจ้า (เพิ่งมารู้ทีหลังว่า He ชอบเดินทางวันเราไข่ตก 😓 )
โชคดีที่ตั้งแต่แต่งงาน เพื่อนได้แนะนำว่าให้กินโฟลิคเตรียมไว้ก่อนเลย ก็เลยกินโฟลิคทุกวัน เพราะว่าโฟลิคควรกินล่วงหน้าก่อนท้อง 2-3 เดือน เพื่อป้องกันความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กได้
29/03/2016 - รู้ว่าท้องวันแรก
เราเป็นพวกไม่ค่อยสังเกตตัวเองเท่าไหร่ กว่าจะเอะใจว่าท้องก็ประจำเดือนไม่มา 1 อาทิตย์แล้ว (ประจำเดือนมาครั้งสุดท้าย 20/2/2016) ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ ก็มีอาการก่อนหน้านี้ที่เหมือนจะเป็น clue แอบบอกอยู่เหมือนกัน คือ อยู่ ๆ เราก็เป็นลมหน้ามืด แบบไปกองอยู่กับพื้นเลย ตอนไปตรวจบ้านใหม่ ทั้ง ๆ ที่เป็นคนที่เกิดมาเคยเป็นลมครั้งเดียวหลังจากถอนฟันคุดซี่ที่อยู่ลึก ๆ มาก ๆ แบบนอนติดกระดูกกราม เลยเสียเลือดเยอะ หลังจากนั้นไม่เคยมีสถานการณ์ไหนที่ทำให้เป็นลม หรือหน้ามืดได้เลย เคยดูละครไทยที่นางเอกท้องกับพระเอกแล้วเป็นลม เรายังว่าละครไทยน้ำเน่า แค่ท้องนางเอกก็ต้องเป็นลม ตอนนี้รู้เองเลยจ้าว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ วันนั้นโชคดีคว้าราวบันไดไว้ทัน เลยไม่ได้ร่วงกระแทกอะไร
แต่อยู่ ๆ พอท้องเองธรรมชาติแบบไม่ทันตั้งตัว เราก็มีแพลนไปเที่ยวต่างประเทศมาก่อนหน้าที่จะรู้ว่าท้อง ด้วยความงกเที่ยวและงกเงินที่จ่ายค่าโรงแรมไปหมดแล้ว the show must go on ตารางเที่ยวไม่มีการยกเลิกนะ หลังจากตรวจปัสสาวะว่าท้อง วันที่ 29/03/2016 วันรุ่งขึ้นไปโรงพยาบาลไปขอใบรับรองแพทย์ว่าท้อง เพราะเราไม่อยากเดินผ่านเครื่องสแกนรังสีที่สนามบิน แล้วก็จองคิวคุณหมอเพื่อที่จะฝากครรภ์ คุณหมอก็คิวทองมาก ได้คิววันที่ 20/04/2016 เลย โชคดีมาก เป็นวันที่กลับจากเที่ยวพอดี
02/04/2016 - ไปเที่ยวแล้วจ้า
วันที่ 02/04/2016 เราก็บินไปเที่ยวเลย ทริปนี้เป็นทริปที่โหดมาก ขึ้นเครื่องบิน ขึ้นรถ ลงเรือ ขึ้นรถไฟ ครบทุกอย่าง แล้วหนาวมาก เดินเยอะมาก บางวัน 4 กม. ต่อเครื่องบินหลายต่อมากเพราะประเทศนี้ไม่มีสายการบินตรงจากกรุงเทพฯ เดินทางทีเป็นวัน กระเป๋าก็ใหญ่มาก หนักมาก เอาใบใหญ่สุดไปกันคนละใบ เพราะทริปนี้เดินทาง 19 วัน สามีก็ช่วยได้ไม่มากเพราะเค้าต้องรับผิดชอบกระเป๋าเค้าเหมือนกัน พอถึงโรงแรมวันแรก ถึงเตียงนอนตอนสามทุ่ม จำได้เลยว่า มดลูกมันบีบมาก บีบปิ๊บ ๆๆๆ ตลอดเวลา แบบว่าลูกจะหลุดแล้ว เราก็ใจไม่ดีเลย หลับโดยไม่ต้องอาบน้ำเลยคืนนั้น
โชคดีที่ตื่นมาแล้วทุกอย่างดูปกติ แต่ถนนหนทางประเทศนี้ก็มีเส้นทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อเยอะมาก เหมือนนั่งรถบนพื้นผิวโลกพระจันทร์ ตกหลุม กระแทก ๆ เป็นสิบ ๆ กิโล การปวดท้องบีบ ๆ ก็มีเรื่อย ๆ แต่เราไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร แต่โดยส่วนมากทุกอย่างดูปกติดี อาการแพ้ท้องก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ จากปกติเป็นคนที่อาเจียนยากมาก แบบว่าต่อให้เอามือล้วงคอก็ไม่ออก กลายเป็นแค่แปรงฟันก็อาเจียนออกมาซะแล้ว เหมือนลิ้นที่กั้นช่องหลอดอาหารมันพร้อมที่จะเปิดเทอาหารออกจากกระเพาะตลอดเวลา แล้วก็เริ่มกินอะไรที่เลี่ยน ๆ ไม่ค่อยลง
20/04/2016 - กลับมาจากเที่ยว + ฝากครรภ์ครั้งแรก
พอวันที่ 20/04/2016 กลับมาถึงประเทศไทยปุ๊บ กลับบ้านอาบน้ำ แล้วไปโรงพยาบาลกันเลยทันทีเพราะได้คิวเจอคุณหมอครั้งแรกพอดี พอเจอคุณหมอแล้วอัลตร้าซาวด์ แล้วเจอภาพลูกพร้อมได้ยินหัวใจเต้นตึก ๆ รัว ๆ ครั้งแรกนี่มันปลื้มปริ่มน้ำตาจะไหลจริง ๆ ความรู้สึกของการเป็นแม่มันมาจริง ๆ เอาตอนนี้ หัวใจลูกเต้น 172bpm อายุครรภ์ 8 weeks 5 days ขนาด 2.04 cm
พอพบคุณหมอ ฝากครรภ์ครั้งที่ 1 เสร็จก็ทำตัวตามปกติเลย เพราะคุณหมอบอกว่าการตั้งครรภ์ไม่ได้เป็นโรค กินโค้กได้ เต้นแอโรบิคได้ เราเลยทำตัวปกติมาก ๆ ไปนวด, เดินงานแฟร์เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านใหม่ ไปชอปปิ้งหมดทุกที่ ขับรถเองด้วย ซื้อของให้ลูกเตรียมไว้เรียบร้อย เห่อมาก ๆ ถึงแม้ว่าบางคนจะถือว่าเป็นลางไม่ดีเราก็ไม่ได้เชื่อ
21/05/2016 - ฝากครรภ์ครั้งที่ 2
แล้วก็มาถึงวันครบรอบตรวจครรภ์ครั้งที่ 2 อายุครรภ์ 13 weeks วันที่ 21/05/2016 วันนี้คุณหมอจะฟังเสียงหัวใจอย่างเดียวไม่อัลตร้าซาวด์ (คาดว่าช่วยคนไข้ประหยัดเงิน แต่เราอยากอัลตร้าซาวด์มาก ขอหมอแล้ว หมอบอกไม่จำเป็น) แล้วก็จะเจาะเลือดเช็คดาวน์ซินโดรมเพราะแม่อายุเกิน 35 (แม่แก่แล้ว 😩 ) ปรากฎว่าพอหมอเอาเครื่องมือที่เหมือนไมโครโฟนมาแปะตรงท้อง แล้ว เงียบ.... หมอก็แปะสองสามที แล้วหันมาบอกว่า ไม่ดีล่ะนะ เดี๋ยวลองไปอัลตร้าซาวด์ดู
วินาทีนั้น ตกใจมาก ไม่คิดว่าจะมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเรามาก่อน พออัลตร้าซาวด์ หมอก็บอกว่าเสียใจด้วยนะ เด็กหัวใจไม่เต้นแล้ว ขนาดเล็กลงกว่าคราวที่แล้วด้วย คาดว่าคงเสียไปตั้งนานแล้วเลยหด ลูกเหลือขนาด 1.85cm เอง แล้วหมอก็เดินออกจากห้องไป ให้เราไปทำใจก่อน แล้วรอคิวปรึกษาหมออีกที
น้ำตาซึมออกจากห้องอัลตร้าซาวด์เลย สามีก็บอกว่าอย่าร้องเพราะคนเยอะมากหน้าห้อง การมาฝากท้องกับคุณหมอเทพ ๆ คิวทอง คนไข้จะเยอะมาก แล้วเค้าจะมีคิวเข้าห้องคุยปรึกษา กับเข้าห้องอัลตร้าซาวด์ 2 ห้อง
พอได้คิวเจอคุณหมออีกรอบ หมอก็บอกว่าจะเอายังไงดี มีทางเลือกคือ
1) รอให้เค้าหลุดเองตามธรรมชาติ หรือ
2) ให้หมอดูดออก (ใช้คำให้ไม่น่ากลัวดี จริง ๆ ก็คือ ขูดมดลูกนั่นแหละ)
ซึ่งเราก็ตัดสินใจว่าให้หมอดูดออกเลย เพราะว่าสังเกตจากขนาดลูกแล้ว แสดงว่าเค้าน่าจะเสียได้เป็นเดือนแล้ว แต่เราไม่รู้ แล้วก็ไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลย ไม่มีเลือดออก ยังแพ้ท้องปกติ ที่มีมากขึ้นคือปวดหลัง (เพิ่งมารู้ทีหลังเหมือนกันว่า อาการปวดหลังเป็นการอาการหนึ่งของการแท้ง) แล้วก็ถ้ารอธรรมชาติแล้วเค้าใช้เวลานานกว่าจะหลุดออกมาเอง เราก็จะเสียเวลาในการทำลูกคนต่อไป (ตอนนี้อยากมีลูกมาก ๆ แล้ว บิ้วกันมาขนาดนี้ ของก็ซื้อเตรียมไว้แล้ว) แล้วหมอก็บอกว่าถ้าให้หลุดเองตามธรรมชาติ แล้วเกิดเคสที่ว่าเค้าหลุดไม่หมด เราก็ต้องมาให้หมอขูดมดลูกอีกรอบอยู่ดี หมอก็เลยนัดขูดมดลูกวันที่ 23/05/2016 เลย เร็วมาก ๆ มีเวลาทำใจ 2 วัน
22/05/2016 - ทำบุญ + ทำใจ
วันรุ่งขึ้นหลังจากได้รับฟังข่าวร้ายมา เราก็ยัง งง ๆ เหมือนฝันอยู่ แต่ก็ต้องยอมรับความจริง วันนี้เลยไปตระเวนทำบุญถวายสังฆทาน 3 วัดแถว ๆ บ้าน เพราะพรุ่งนี้แล้วสินะ หมอก็จะเอาลูกออกไปแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น